รีวิวพิเศษ: Metroid Dread – อนาคตของน่ากลัวยัยชีวิต!

    Metroid Dread คือเกมแอ็กชัน-อดเวนเจอร์ที่ได้รับเสียงวิจารณ์ด้านบวกในปี 2021 ที่พัฒนาโดย MercurySteam และ Nintendo EPD และเผยแพร่สำหรับ Nintendo Switch มันยังคงเนื้อเรื่องของ Metroid Fusion (2002) และตามหลังนักล่ารางวัล Samus Aran ในการตรวจสอบสัญญาณลึกลับบนดาว ZDR ซึ่งเกมนี้ยังคงเล่นเกมแบบสไตล์ side-scrolling ที่เป็นที่รู้จักจากเกม Metroid ตัวเดิม ขณะที่เพิ่มเข้ามากับเลกที่เกี่ยวกับการลับและความสามารถใหม่

    คุณสมบัติหลัก

    • การเล่นเกม: ผู้เล่นสำรวจสภาพแวดล้อมที่เชื่อมโยงกัน ได้รับความสามารถใหม่เพื่อเข้าถึงพื้นที่ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ก่อนหน้านี้ และเพิ่มเข้ามากับเลกที่เกี่ยวกับการลับด้วยการใช้หุ่นยนต์ EMMI ซึ่งต้องมีการหลบหลีกและยุทธวิธีเพื่อเอาชนะ
    • เนื้อเรื่อง: Samus ปะทะกับ Raven Beak ที่มุ่งมั่นที่จะใช้ดีเอ็นเอ Metroid ของเธอ และเนื้อเรื่องสิ้นสุดด้วยการต่อสู้ที่เปิดโอกาสให้เธอใช้พลังที่ยังไม่ถูกใช้งานและหลบหนีจากดาวที่กำลังระเบิด
    • โหมดใหม่: รวมถึงโหมด Rookie Mode สำหรับผู้เริ่มต้น, Dread Mode สำหรับการท้าทายหนึ่งความตาย และโหมด Boss Rush สำหรับการเล่นซ้ำ
    • ยอดขายและการตอบรับ: Metroid Dread กลายเป็นเกมที่ขายดีที่สุดในภาคเกม โดยขายได้มากกว่าสามล้านแบบ และได้รับรางวัล Best Action/Adventure Game ที่ The Game Awards 2021 และได้รับเสียงชื่นชมสำหรับการออกแบบและความนวดนวัตกรรม

    ประวัติการพัฒนา

    ในตอนแรกเคยคิดค้นขึ้นมาเพื่อเล่นบน Nintendo DS ในช่วงกลางปี 2000 แต่ Metroid Dread ต้องเผชิญกับความยากลำบากในการพัฒนาเนื่องจากข้อจำกัดทางเทคนิค หลังจากปีหลายปีของการคาดคะเน มันถูกประกาศอย่างเป็นทางการที่ E3 2021 และมีการออกแบบเป็นเกม 2D แบบเดิมของ Metroid หลังจากเกือบสองทศวรรษ

    การตอบรับด้านวิจารณ์

    เกมได้รับเสียงชื่นชมสำหรับการนวดนวัตกรรมทางเทคนิค สภาพแวดล้อมที่เข้มงวดและการเล่นที่ท้าทาย อย่างไรก็ตาม บางผู้เล่นคิดว่าความยากของเกมเป็นสิ่งที่ท้าทายเกินไป มันยังคงเป็นตัวเล่นที่น่าจดจำในภาคเกม Metroid สำหรับการผสมผสานระหว่างองค์ประกอบที่เดิมและนวดนวัตกรรม